สถิติ
เปิดเมื่อ20/06/2019
อัพเดท6/09/2019
ผู้เข้าชม1362
แสดงหน้า1522
สินค้า
ปฎิทิน
April 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
    




สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์

อ่าน 84 | ตอบ 0

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์



 

                                        

 

วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ถนนมาตุลีและถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์และ บริษัทถาวรฟาร์ม ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ของวัดทั้งบนเขาและที่ราบ ประมาณ ๓๒๐ ไร่ 

มีลักษณะเป็นภูเขา ด้านเหนือด้านตะวันออกและด้านตะวันตกเป็นภูเขา มีทางเข้าด้าน ทิศใต้ทางเดียว มีลักษณะคล้ายฮวงจุ้ย เดิมชื่อเขาใหญ่ ปัจจุบันชื่อ เขาดาวดึงส์ เพราะตั้งอยู่ ตรงถนน ดาวดึงส์และอยู่เมืองนครสวรรค์




 

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า เป็นต้น สงสัยว่าจะเป็นวัดร้างจึงได้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบและได้ชักชวนประชาชน สร้างกุฎิเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ๔-๕ หลังสมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุ โบราณและจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์ ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริงและพบบ่อกรุ

น้ำซึมด้วยกรมการศาสนา สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการ ศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ ๒๘๐ ไร่

พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์ ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้าได้ ไปขอพระสงฆ์จากเจ้าคณะ อำเภอเมืองฯ ที่วัดนครสวรรค์ เพื่อมาสร้างวัดคีรีวงศ์ 

คณะสงฆ์ได้ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ หรือ พระเดชพระคุณพระราชพรหมาจารย์ วิ. ซึ่งจำพรรษาอยู่วัดนครสวรรค์ ให้มาสร้างวัดคีรีวงศ์ 

วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะสงฆ์ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร มาอยู่วัดคีรีวงศ์ ซึ่งขณะนั้นมีกุฎิเล็กๆอยู่เชิงเขา ๔-๕ หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ 

พ.ศ. ๒๕๑๐ เริ่มตั้งศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ขึ้นที่วัดคีรีวงศ์ โดยจัดให้มีการประชุม ฟังธรรม ปฎิบัติธรรม ทุกวันอาทิตย์ 

พ.ศ. ๒๕๑๑ กรมการศาสนา ได้ดำเนินการทางศาล กับผู้ที่ครอบครองที่บริเวณวัดคีรีวงศ์ 

พ.ศ. ๒๕๑๗ กรมการศาสนาชนะคดีชั้นศาลฎีกา โดยศาลชี้ขาดว่าในบริเวณแผนที่ซึ่งกรมการศาสนาได้สำรวจรังวัด ไว้ เป็นวัดร้างจริง 

พ.ศ. ๒๕๑๘ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครสวรรค์ เสนอเรื่องขอยกวัดคีรีวงศ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ ตามกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๑๔ 

พ.ศ. ๒๕๑๙ กระทรวงศึกษาธิการประกาศยกฐานะวัดคีรีวงศ์ ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ถือว่าเป็น วัดโดยสมบูรณ์ 

พ.ศ. ๒๕๑๙ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้แต่งตั้งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ เป็นเจ้าอาวาสวัด

คีรีวงศ์ 

พ.ศ. ๒๕๒๑ ทางวัดจัดงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต อุโบสถ 

พ.ศ. ๒๕๓๕ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนา ตัวอย่าง 

พ.ศ. ๒๕๓๖ กรมการศาสนา ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น 

พ.ศ. ๒๕๓๑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมีพระครูพรหมญาณวิกรมเป็นประธานศูนย์ฯอำนวยการฝึก อบรมและได้อบรมพระนักเผยแผ่ฯ ไปแล้วทั่วประเทศ จำนวน ๔๐ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน 

พ.ศ. ๒๕๓๓ กรมการศาสนา จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมี พระครูพรหมญาณวิกรม เป็นประธานฝึกอบรม ได้อบรมไปแล้ว ๑๘ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน
พ.ศ. ๒๕๑๕ - ปัจจุบัน ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมศีลจารินี คือ บวชสตรีนุ่งขาว ใส่ขาว ไม่โกน ผม รักษาศีล ๘ รับประทานอาหารมังสะวิรัติ เพื่ออบรมธรรมะและเจริญภาวนา ได้จัด อบรมปีละ ๓ ครั้ง ขณะนี้อบรมไปแล้ว ๑๒๔ ครั้ง

กำหนดการบวชศีลจารินีประจำปี

๒๔ - ๓๐ มีนาคม ของทุกปี

๒๐ - ๒๔ สิงหาคม ของทุกปี

๒ - ๖ ธันวาคม ของทุกปี

https://www.youtube.com/watch?v=E6OMuALey4A












 

                                                  

วัดศรีอุทุมพร

        วัดศรีอุทุมพร ตั้งอยู่เลขที่ 89 หมู่ 9 บ้านวัดเดื่อ ตำบลหนองกรด อำเภอ เมือง จัดหวัด นครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 4 มีที่ดินในการตั้งวัดเนื้อที่จำนวน16 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา มีอาณาเขต ทางด้านทิศเหนือยาว 96 วา จดถนนสาธารณะทิศใต้ยาว 96 วา 

ยาวจรดลำคลองดงตะแวนทิศตะวันออกยาวจรดที่ของนายนำ เหล่าเขตกิจ ทิศตะวันตกยาว ๙๔ วายาวติดที่ของนาย กึ๋น เกษวิริยะการ พื้นที่บ้านวัดนั้นเป็นที่ลาบลุ่ม

สภาพแวดล้อมเป็นที่นาและมีหมู่บ้านล้อมรอบ อาคารเสนาต่าง ๆ มีอุโบสถกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ กว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๔๐ เมตร          

 

           สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ กุฏิสงฆ์ ๔ หลัง วัดศรีอุทุมพรสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๕ โดยมีพระครูจ้อย จนฺทสุวณฺโนำเนินการและปกครองวัดมาตั้งแต่เริ่มแรกเริ่มสร้างวัดชาวบ้านมักจะเรียกว่า'วัดวังเดื่อ'ตามชื่อบ้านมาแต่เดิมได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ ๓๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๔ มีพระภิกษุสงฆ์อยุ่จำพรรษาปีละประมาณ ๑๓ รูป สามเณรประมาณ ๔ รูป          เจ้าอาวาสมีนามว่า'พระครูจ้อย จนฺทสุว

ณฺโน'ดำรงตำแหน่งตั้งแต่  พ.ศ.๒๔๘๕เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาหลวงพ่อจ้อยได้ซื้อที่ดินของ นางสาว สุพันนี นางสาว ราตรี เกษวิริยะการ เพิ่มอีก ๖ ไร่ ๓งาน ๒๔ ตารางวา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๙ได้รับโฉนดที่ดินเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๔๔

 ได้มีการจัดสร้างอาคารเสนาเสนะต่าง ๆขึ้นอีกมากมายจนในปัจจุบันเสนาเสนะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

๑.พระอุโบสถ ๑ หลัง 

๒.ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง

๓.กุฏิสงฆ์ ๖ หลัง

๔.โรงเรียนพระปริยัติธรรม ๑ หลัง

๕.ศาลาธรรมสังเวช ๑ หลัง

๖.ณาปนสถาน ๑ หลัง

๗.หอสวดมนต์ ๑ หลัง

๘.หอระฆัง ๑ หลัง

    ต่อมาในปัจจุบันทางวัดได้กำลังทำการจัดสร้างมณฑปและไตร โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๑๒ ล้านบาทเศษอยุ่ในขณะนี้ และนี้ก้คือประวัติของวัดศรีอุทุมพรพอสังเขป

 หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีอุทุมพร เป็นพระผู้เปลี่ยมไป

ด้วยเมตตากรุณาเป็นพระนักพัฒนา ที่ชาวจังหวัดนครสวรรค์ และเขตติดต่อ 

ห้ความเคารพนับถือ พระใบฏีกาสมศักดิ์ ปญฺญาธโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันวัดศรีอุทุมพร 

ศิษย์เอกหลวงพ่อจ้อย ผู้สืบสานงานต่างๆ ต่อจากหลวงพ่อจ้อย


https://www.youtube.com/watch?v=VywmwUmDl7g























 

                                     

เขาหน่อเขาแก้ว

      เขาหน่อ-เขาแก้ว อยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กิโลเมตร และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดเขาหน่ออยู่เชิงเขา มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว ระหว่างทางมีถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เคยทรงประทับพักแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้เวลาเย็นจะมองเห็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่ในภูเขาบินออกไปหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้ว อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน 

 

     'พระพุทธเจ้าหลวง' ได้เคยเสด็จประพาสบริเวณเขาหน่อเมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน ภายในวัดเขาหน่อมีจุดสำคัญต่างๆ ในการตามรอยเสด็จประพาสต้น ได้แก่ 'สระเสด็จ' ที่เคยทรงน้ำ สิ่งพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ถวายแด่ หลวงพ่อเเหยม และพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 สำหรับสักการะ

 

https://www.youtube.com/watch?v=TBbmmK1bWhk









 

                                           

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

 

         อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชรและอำเภอแม่วงก์ และกิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร ตามเทือกเขาสูงชันก่อกำเนิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 4-5 แห่ง ทั้งเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีแก่งหินทำให้เกิดน้ำตกเล็ก ๆ ตามแก่งหินนี้ ตลอดจนมีหน้าผาที่สวยงามตามธรรมชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 894 ตารางกิโลเมตร หรือ 558.750 ไร่ ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็น 'อุทยานแห่งชาติแม่วงก์' เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2530 

ลักษณะภูมิประเทศ

     สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเรียงรายกันอยู่ตามเทือกเขาถนนธงชัยลดหลั่นลงมาจนถึงพื้นราบ ประมาณ 40 - 50 ลูก ยอดที่สูงที่สุดคือ “ยอดเขาโมโกจู” สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,964 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารต้นกำเนิดของลำนำแม่วงก์ส่วนพื้นที่ราบมีไม่มาก ส่วนใหญ่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ และเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญ เช่น แร่ไมก้า 

ลักษณะภูมิอากาศ

     สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล คือ 

ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 

ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 

ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์เป็นช่วงที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุด 






 

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า

     สภาพป่าทั่วไปประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ จะอยู่บริเวณที่ราบริมฝั่งห้วยและภูเขาที่ไม่สูงนัก พันธุ์ไม้ได้แก่ ไม้สัก พะยอม ชิงชัน กะบก มะม่วงป่า มะค่าโมง แดง ประดู่ จันทร์หอม ป่าดงดิบ ตะเคียน ก่อ กะบาก 

และป่าเต็งรังซึ่งมีพันธุ์ไม้จำนวนน้อย เช่น ไม้เต็งรัง เหียง พลวง    

มีสัตว์ป่านานาชนิด เนื่องจากอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งสัตว์สามารถใช้เส้นทางเดินติดต่อกันได้ ได้แก่ กระทิง ช้าง เสือ กวาง เก้ง หมี กระต่ายป่า ไก่ป่า กระรอก เม่น แมวลาย ลิง และนกนานาชนิด เช่น นกแก้ว นกกางเขน นกเขา ฯลฯ 

แหล่งท่องเที่ยว 

น้ำตกแม่กระสา การเดินทางต้องเดินเท้าไปประมาณ 21 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 3-4 วัน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มีชั้นลดหลั่นถึง 9 ชั้น น้ำไหลแรงสวยงามตลอดปี 

น้ำตกแม่เรวา การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3-4 วัน มีลักษณะเป็นอ่างกลมกว้างราว 30 - 40 เมตร รับสายน้ำที่ตกลงมาเป็นชั้น ๆ 

น้ำตกแม่กี มีความสูงประมาณ 200 เมตร แบ่งเป็นชั้น ๆ ถึง 9 ชั้น น้ำไหลเกือบตลอดปี การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3 วัน และได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดใน เอเซีย (จากหนังสือ ASEAN MAGAZINE พ.ศ. 2518) 

แก่งผาคอยนาง - แก่งน้ำบนแก่งหิน จากถนนคลองลาน - อุ้มผาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 1,400 เมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก 400 เมตร จะถึงบริเวณแก่งหินขนาดใหญ่ที่มีลำน้ำคลองขลุงไหลผ่าน ซึ่งเป็นลำน้ำสายหนึ่งในหลาย ๆ สายที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง จากบริเวณแก่งเดินขึ้นไปตามลำน้ำอีกประมาณ 350 เมตร จะถึงน้ำตกผาคอยนาง น้ำตกขนาดเล็กที่เด่นและสะดุดตานอกจากน้ำตกแล้ว พื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ก็ยังมีแก่งหินปูนมีน้ำไหลลดหลั่นเป็นชั้นเหมาะแก่การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนในเวลากลางวันและเป็นที่ชมวิวพักรับประทานอาหาร ในบรรยากาศท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่นเย็นสบาย 

จุดชมวิว กิโลเมตร 81 ชมทิวเขาไกลสุดสายตา จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ไปตามถนนคลองลาน - อุ้มผาง อีก 16 กิโลเมตร จะถึงบริเวณหน้าผาที่สามารถมองทัศนียภาพที่สวยงามมองเห็นทิวเขาไกลสุดสายตา 

ช่องเย็น กิโลเมตรที่ 93 ช่องเขารับสายลมระยะทาง 28 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นจุด









 

สูงสุดของถนนคลองลาน - อุ้มผาง จะถึงบริเวณหน้าผาที่ตั้งอยู่ระหว่างเขา ซึ่งทำให้บริเวณแห่งนี้ มีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา จึงถูกขนานนามว่า “ช่องเย็น” ตามสภาพภูมิอากาศของพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากช่องเย็นมีสภาพอากาศที่เย็นและชื้น จึงพบพันธุ์ไม้ที่ชอบความชุ่มชื้นบริเวณนี้ ได้แก่ กล้วยไม้ เฟิร์น มหัสดำ (Treefern) นอกจากนี้ช่องเย็นยังเป็นถิ่นอาศัยของนกหลากหลายชนิด จึงเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญแห่งหนึ่ง 

ยอดเขาโมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจูจึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแม่วงก์ ระยะทาง 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 4-5 วัน จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน ที่

จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต 

สิ่งอำนวยความสะดวก

   มีสถานที่กางเต้นท์และบ้านพักบริเวณที่ทำการอุทยานฯและบริเวณช่องเย็น

การเดินทาง

โดยทางรถยนต์ได้หลายทาง คือ 

1.จากกรุงเทพมหานคร - กำแพงเพชร - คลองลาน สู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ตามทางหลวงหมายเลข 1117 กิโลเมตรที่ 65 ถนนคลองลาน - อุ้มผาง 

2.จากกรุงเทพมหานคร - นครสวรรค์ - โค้งวิไล - คลองลาน สู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ตามทางหลวงหมายเลข 1117 กิโลเมตรที่ 65 ถนนคลองลานอุ้มผาง 


https://www.youtube.com/watch?v=GPargaAlR08













 

                                      

ฟาร์มแกะทหารช่าง

 

ฟาร์มแกะทหารช่าง กองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ตั้งอยู่กลางตัวเมืองนครสวรรค์ โดย พ.ท.ประวิต พูลเทียบรัตน์ ผู้บังคับกองพันกองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ เปิดเผยว่าพื้นที่นี้เดิมทีเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำนา เลี้ยงสัตว์ ของกำลังพลทหารช่าง และได้ทำศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แต่ได้รับความสนใจจากประชาชนน้อย จึงได้คิดพัฒนาปรับปรุงสถานที่ให้มีจุดดึงดูดประชาชนและ นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม โดยปรับปรุงให้มีฟาร์มเลี้ยงแกะ เลี้ยงแพะ เลี้ยงหมูป่า เลี้ยงม้า เลี้ยงไก่ เป็นต้น และทำพื้นที่ให้เป็นนาบัวหลวง ทุ่งปอเทือง ทุ่งดอกกุหลาบ ทุ่งดอกดาวเรือง ซึ่งทั้งหมดเป็นดอกไม้เศรษฐกิจสามารถเก็บส่งขายสร้างรายได้ให้กับสวัสดิการกองกำลังพล กองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิระประวัติเป็นอย่างดี ปัจจุบันฟาร์มแกะทหารช่างได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง 18.00 น. เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย พิกัดสถานที่ตั้งอยู่ที่จ.นครสวรรค์ เลี้ยวเข้ามาทางสี่แยกค่ายจิรประวัติ แล้วมุ่งหน้ามาทางสนามกอล์ฟค่ายจิรประวัติจะเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาไปทางวัดถือน้ำ ขับตรงไปประมาณ 200 เมตร ฟาร์มแกะจะอยู่ขวามือ

 

https://www.youtube.com/watch?v=Un5e16r5QHA









 

                  

 

พาสาน

 

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของปากน้ำโพ ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม จุดบรรจบแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์   ชื่อ “พาสาน” มีที่มาจากคำว่า “ผสาน” คือ การรวมกัน แต่ “พาสาน” คือ การพาคนเข้าไปสานให้เกิดการผสมผสานกันระหว่าง คน สถานที่ และสภาพแวดล้อมตัวอาคารสร้างบนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ออกแบบให้มีความโค้งแล้วมาบรรจบกันที่ปลาย เหมือนการรวมตัวกันของแม่น้ำหลักจาก 4 สาย มาประสานกันเป็นสองสายและรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในช่วงฤดูน้ำหลากส่วนของอาคารที่ยกโค้งจะโผล่พ้นน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือลอดอาคารชมความงามของสถาปัตยกรรมได้

นอกจาก พาสาน จะเป็นจุดชมวิวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังมีสำนักงาน ห้องจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยว ลานประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม รวมไปถึงกิจกรรมแสง สี เสียงแสดงถึงวิถีชีวิตผู้คนกับสายน้ำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกด้วย  นักท่องเที่ยว สามารถนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งพาสาน เพื่อชมพระอาทิตย์ตก สัมผัสความงดงามของต้นน้ำเจ้าพระยา วิถีชีวิตของคนริมนํ้าแห่งปากนํ้าโพ นครสวรรค์

https://www.youtube.com/watch?v=IVyE2ofCbWE





 

 

บึงบระเพ็ด

 

เป็นบึงน้ำจืดซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง พื้นที่บางส่วน ประมาณ 66,250 ไร่ ได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ ป่าเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2518 บีงบอระเพ็ดมีลักษณะเป็นท้องน้ำและบึงกว้างใหญ่ มีเกาะเล็ก ๆ อยู่ในบึงประมาณ 10 เกาะ  เป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมตัวของพืชน้ำ มีพรรณไม้น้ำหลากหลายชนิด จึงเหมาะเป็นที่อยู่อาศัยสร้างรัง วางไข่ ของนกหลายชนิด มีทัศนียภาพสวยงาม

    ในอดีตบึงบอระเพ็ดได้ชื่อว่าเป็น 'ทะเลเหนือ' หรือ 'จอมบึง' เพราะมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำอยู่มากมาย รู้จักกันมานานว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีจระเข้ชุกชุม ปัจจุบันจระเข้ในบึงเหลืออยู่น้อยมาก จะมีให้เห็นก็ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ ซึ่งได้เพาะพันธุ์และเลื้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวชมเท่านั้น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ประมาณว่ามีพันธุ์ปลาต่าง ๆ ประมาณ 148 ชนิด พันธุ์พืชที่สำรวจพบขณะนี้ประมาณ 100 ชนิด บึงบอระเพ็ดเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านแหล่งอาศัยของฝูงนก มีนกประจำถิ่นและนกอพยพ รวมนับร้อยชนิด ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ นกยาง นกนางแอ่น นกจาบคาเล็ก นกเป็ดน้ำ นกเอี้ยง นกอัญชัญ นกปากซ่อม นกกวัก นกกาบบัว นกเขา นกกระเรียน ฯลฯ เป็นแหล่งที่พบสัตว์หายากคือ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ปลาเสือตอ โดยเฉพาะนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร เป็นนกที่พบที่บึงบอระเพ็ดนี้แห่งเดียวในโลก ซึ่งพบโดยคุณกิตติ ทองลงยา เมื่อปี พ.ศ.2511

 

https://www.youtube.com/watch?v=Ae_f6dwbmYI







 

                                    

ทุ่งปอเทือง

         

        สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของบุรีรัมย์ #ทุ่งปอเทือง ติดโครงการชลประทาน #ทุ่งปอเทือง@เมืองบุรีรัมย์

ใครว่างๆแวะมาเที่ยวกันได้ สวยงามมากๆ 

ปอเทืองเหลืองอร่าม ที่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก 

หลังจากที่ หัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนได้ร่วมกันหว่านเมล็ดปอเทืองบนเนื้อที่ 50 ไร่ บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก โครงการชลประทานบุรีรัมย์ เนื่องในวันดินโลก เพื่อน้อมรำลึกในพระหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ ด้านการจัดการทรัพยากรดิน ผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ มากว่า 70 ปี จนเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถไปทั่วโลก ผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมาขณะนี้ ปอเทืองได้ออกดอกเหลืองสะพรั่งเต็มท้องทุ่งแล้ว พร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยว (เช็คอิน) แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ซึ่งเป็นสถานทีท่องเที่ยว สถานที่ออกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปอเทือง (sunn hemp) เป็นพืชในตระกูลถั่วที่นิยมปลูกมากสำหรับเป็นปุ๋ยพืชสด และใช้เป็นอาหารโค กระบือ รวมถึงเพื่อความสวยงามในการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งนิยมปลูกมากในช่วงต้นฤดูฝนก่อนที่จะไถกลบหรือเก็บเกี่ยวก่อนปลูกพืชหลัก

 

https://www.youtube.com/watch?v=-PBVQQWO5pM





 

                               

อุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ

 

          นครสวรรค์ ก็มีองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่ให้กราบสักการะบูชาขอพรเช่นกัน ที่ อุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ   สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือแหล่งท่องเที่ยว  ตั้งอยู่ที่ ตำบลกลางเเดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ไม่ไกลจากฟาร์มแกะทหารช่าง ค่ายจิรประวัติ  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมได้ไม่นาน ภายในเทวสถานพระพิฆเนศ มีการจัดสวนอย่างสวยงาม มีพระพิฆเนศปางประทานพร องค์ใหญ่สีชมพูสดใส มองเห็นเด่นเป็นสง่าแต่ไกล รวมทั้งเทวรูปเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย ปัจจุบันยังคงทยอยต่อเติม เพิ่มความสวยงามให้แก่สถานที่แห่งนี้ ด้วยงานปั้นฝีมือประณีตงดงาม ให้นักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาได้เข้ามาเยี่ยมชมและสักการะเทวสถานพระพิฆเนศ  เกิดจากความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อองค์พระพิฆเนศ ของคุณแม่แดง ที่ได้สละพื้นที่ส่วนตัวเพื่อก่อสร้างเทวสถานแห่งนี้ขึ้น โดยเริ่มก่อตั้งช่วงปี พ.ศ. 2552 มาจนถึงปัจจุบัน สร้างจากแรงบันดาลใจของคุณแดงที่เลื่อมใสศรัทธาองค์พระพิฆเนศ ขอพรจากพระพิฆเนศหลายต่อหลายครั้ง และได้ตามคำขอพรนั้น ทำให้เกิดเป็นแรงศรัทธา อยากสร้างองค์พระพิฆเนศปางประธานพรสีชมพูองค์นี้ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้มาสักการะบูชา ขอพรให้เกิดความสำเร็จ เหมือนดั่งเช่นที่ตัวเองเคยประสบมา ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพิฆเนศเป็นบุตรแห่งพระ ศิวะ และพระแม่ปาราวตี มีพลังในการปัดเป่าอุปสรรคจึงกลายเป็นเทพแห่งความสำเร็จด้านหน้า จะพบพระพิฆเนศปางประทานพร ที่เชื่อกันว่าหากต้องการขอพรสิ่งใดจะได้สมดังที่หวัง โดยจะมีเครื่องบูชาเป็นผลไม้และขนมโมทกะ 







 

รวมถึงดอกไม้ ธูปเทียน ไว้บริการให้ได้นำมาบูชากันด้วยตรงข้ามกับองค์พระพิฆเนศ เป็นสวนต้นไม้ ประดับด้วยเครื่องปั้นดินเผาและรูปปั้นต่างๆ มีความงดงามและร่มรื่น

 บริเวณข้างในเทวสถาน  เป็นที่ตั้งของอาคารไม้ 2 ชั้น ใหญ่โตโอ่อ่า ท่ามกลางสวนต้นไม้  เรียกว่า ตำหนักแม่แดง ทางเดินเข้าไปบริเวณตำหนัก มีรูปปั้นพญานาคพ่อปู่นาคาศรีสุธโธ แม่ยานาคีศรีปทุมมา ที่มีสีสันและอ่อนช้อนสวยงาม ลำตัวทอดยาวไปจนเกือบถึงตำหนักเข้ามาภายในตำนักบริเวณชั้นล่าง เต็มไปด้วย พระพิฆเนศปางต่างๆ มากมายให้กราบไหว้ขอพร  รวมทั้งสำหรับเช่าบูชาด้วยจากชั้นล่างไปยังชั้นสอง บริเวณบันไดทางขึ้น เป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ใหญ่โต มองดูน่าเกรงขาม เชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่มาสักการะให้แคล้วคลาด ปลอดภัย และมีโชคลาภเมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 ต้องตะลึงไปกับความสวยงามของสถานที่ซึ่งต้องแต่งสไตล์โมรอคโค ผสมอินเดีย ทั้งสีของผนัง ซุ้มประตู สีสัน สดใสสวยงามมาก ภายในประดิษฐาน รูปปั้นพระพิฆเนศ  องค์พระวิศณุกรรม องค์พระพิฆเนศและองค์พระแม่อุมาเทวี ให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันกราบไหว้เทพศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แล้ว ภายในเทวสถาน มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือกลางสวน ตั้งอยู่ด้านหน้า ให้บริการอีกด้วย หิวเมื่อไหร่แวะไปทานได้เลยอุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ นับเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากความศรัทธา ซึ่งสร้างได้อย่างยิ่งใหญ่และงดงามมาก ใครที่ผ่านเข้ามาในจังหวัดนครสวรรค์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ควรค่าแห่งการแวะมาเยือน

 https://www.youtube.com/watch?v=sEHIu8PGqpA

 

 

 

 

 

 

 

                                            

อุทยานนครสวรรค์               

           อุทยานสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ ถนนวงสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์  เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่บนพื้นที่ 314 ไร่ ตรงกลางเป็นเกาะมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่  จุดเด่นที่มองเห็นมาแต่ไกลคือมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง อุทยานสวรรค์ประกอบด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า หนองสมบุญ มีถนนวงเหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะ ซึ่งมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตกจำลอง ศาลาและสวนสุขภาพ  อุทยานสวรรค์นี้เป็นสวนสาธารณะที่ได้รับรางวัลสวนสาธารณะระดับดีมากจากกรมอนามัยอีกด้วย อุทยานสวรรค์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ติดกับทางหลวงสายเอเซีย ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมองเห็นรูปปั้นมังกรเด่นเป็นสง่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาชมความดงามของรูปปั้นมังกรและกราบไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิม สามารถจอดรถด้านหน้า ภายในอุทยานสวรรค์เป็นพื้นที่โล่งกว้าง  มีมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่เด่นตระหง่านอยู่ตรงกลาง บนฐานวงกลมสูงรายล้อมด้วยมังกรขนาดเล็ก 4 ตัว หันหน้าไปคนละทิศ ที่ฐานวงกลมตกแต่งด้วยเมฆ มีศาลารอบ 4 หลัง และสะพานแบบสถาปัตยกรรมจีนเพื่อเป็นทางเดินเข้าไปยังมังกรสวรรค์ ด้านล่างเป็นสระบัว วันไหนที่ท้องฟ้าสวยงามทำให้มังกรที่อยู่กลางภาพดูโดดเด่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เมื่อขึ้นไปยืนบนฐานมังกรจะเห็นบริเวณโดยรอบของ

 

 

 

อุทยานสวรรค์  ถัดจากรูปปั้นมังกร คือ พื้นที่ของสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ที่นิยมมาเดิน วิ่ง  ปั่นจักรยานชมสวน ปั่นจักรยานน้ำ ให้อาหารปลา เล่นเครื่องออกกำลังกายต่างๆ

 

https://www.youtube.com/watch?v=TWv907_K2HE

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์



 

                                        

 

วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ถนนมาตุลีและถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์และ บริษัทถาวรฟาร์ม ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ของวัดทั้งบนเขาและที่ราบ ประมาณ ๓๒๐ ไร่ 

มีลักษณะเป็นภูเขา ด้านเหนือด้านตะวันออกและด้านตะวันตกเป็นภูเขา มีทางเข้าด้าน ทิศใต้ทางเดียว มีลักษณะคล้ายฮวงจุ้ย เดิมชื่อเขาใหญ่ ปัจจุบันชื่อ เขาดาวดึงส์ เพราะตั้งอยู่ ตรงถนน ดาวดึงส์และอยู่เมืองนครสวรรค์




 

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า เป็นต้น สงสัยว่าจะเป็นวัดร้างจึงได้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบและได้ชักชวนประชาชน สร้างกุฎิเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ๔-๕ หลังสมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุ โบราณและจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์ ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริงและพบบ่อกรุ

น้ำซึมด้วยกรมการศาสนา สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการ ศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ ๒๘๐ ไร่

พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์ ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้าได้ ไปขอพระสงฆ์จากเจ้าคณะ อำเภอเมืองฯ ที่วัดนครสวรรค์ เพื่อมาสร้างวัดคีรีวงศ์ 

คณะสงฆ์ได้ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ หรือ พระเดชพระคุณพระราชพรหมาจารย์ วิ. ซึ่งจำพรรษาอยู่วัดนครสวรรค์ ให้มาสร้างวัดคีรีวงศ์ 

วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะสงฆ์ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร มาอยู่วัดคีรีวงศ์ ซึ่งขณะนั้นมีกุฎิเล็กๆอยู่เชิงเขา ๔-๕ หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ 

พ.ศ. ๒๕๑๐ เริ่มตั้งศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ขึ้นที่วัดคีรีวงศ์ โดยจัดให้มีการประชุม ฟังธรรม ปฎิบัติธรรม ทุกวันอาทิตย์ 






 

พ.ศ. ๒๕๑๑ กรมการศาสนา ได้ดำเนินการทางศาล กับผู้ที่ครอบครองที่บริเวณวัดคีรีวงศ์ 

พ.ศ. ๒๕๑๗ กรมการศาสนาชนะคดีชั้นศาลฎีกา โดยศาลชี้ขาดว่าในบริเวณแผนที่ซึ่งกรมการศาสนาได้สำรวจรังวัด ไว้ เป็นวัดร้างจริง 

พ.ศ. ๒๕๑๘ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครสวรรค์ เสนอเรื่องขอยกวัดคีรีวงศ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ ตามกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๑๔ 

พ.ศ. ๒๕๑๙ กระทรวงศึกษาธิการประกาศยกฐานะวัดคีรีวงศ์ ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ถือว่าเป็น วัดโดยสมบูรณ์ 

พ.ศ. ๒๕๑๙ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้แต่งตั้งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ เป็นเจ้าอาวาสวัด

คีรีวงศ์ 

พ.ศ. ๒๕๒๑ ทางวัดจัดงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต อุโบสถ 

พ.ศ. ๒๕๓๕ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนา ตัวอย่าง 

พ.ศ. ๒๕๓๖ กรมการศาสนา ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น 

พ.ศ. ๒๕๓๑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมีพระครูพรหมญาณวิกรมเป็นประธานศูนย์ฯอำนวยการฝึก อบรมและได้อบรมพระนักเผยแผ่ฯ ไปแล้วทั่วประเทศ จำนวน ๔๐ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน 

พ.ศ. ๒๕๓๓ กรมการศาสนา จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมี พระครูพรหมญาณวิกรม เป็นประธานฝึกอบรม ได้อบรมไปแล้ว ๑๘ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน





 

พ.ศ. ๒๕๑๕ - ปัจจุบัน ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมศีลจารินี คือ บวชสตรีนุ่งขาว ใส่ขาว ไม่โกน ผม รักษาศีล ๘ รับประทานอาหารมังสะวิรัติ เพื่ออบรมธรรมะและเจริญภาวนา ได้จัด อบรมปีละ ๓ ครั้ง ขณะนี้อบรมไปแล้ว ๑๒๔ ครั้ง

กำหนดการบวชศีลจารินีประจำปี

๒๔ - ๓๐ มีนาคม ของทุกปี

๒๐ - ๒๔ สิงหาคม ของทุกปี

๒ - ๖ ธันวาคม ของทุกปี

https://www.youtube.com/watch?v=E6OMuALey4A












 

                                                  

วัดศรีอุทุมพร

        วัดศรีอุทุมพร ตั้งอยู่เลขที่ 89 หมู่ 9 บ้านวัดเดื่อ ตำบลหนองกรด อำเภอ เมือง จัดหวัด นครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 4 มีที่ดินในการตั้งวัดเนื้อที่จำนวน16 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา มีอาณาเขต ทางด้านทิศเหนือยาว 96 วา จดถนนสาธารณะทิศใต้ยาว 96 วา 

ยาวจรดลำคลองดงตะแวนทิศตะวันออกยาวจรดที่ของนายนำ เหล่าเขตกิจ ทิศตะวันตกยาว ๙๔ วายาวติดที่ของนาย กึ๋น เกษวิริยะการ พื้นที่บ้านวัดนั้นเป็นที่ลาบลุ่ม

สภาพแวดล้อมเป็นที่นาและมีหมู่บ้านล้อมรอบ อาคารเสนาต่าง ๆ มีอุโบสถกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ กว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๔๐ เมตร          

 

           สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ กุฏิสงฆ์ ๔ หลัง วัดศรีอุทุมพรสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๕ โดยมีพระครูจ้อย จนฺทสุวณฺโนำเนินการและปกครองวัดมาตั้งแต่เริ่มแรกเริ่มสร้างวัดชาวบ้านมักจะเรียกว่า'วัดวังเดื่อ'ตามชื่อบ้านมาแต่เดิมได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ ๓๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๔ มีพระภิกษุสงฆ์อยุ่จำพรรษาปีละประมาณ ๑๓ รูป สามเณรประมาณ ๔ รูป          เจ้าอาวาสมีนามว่า'พระครูจ้อย จนฺทสุว

ณฺโน'ดำรงตำแหน่งตั้งแต่  พ.ศ.๒๔๘๕เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาหลวงพ่อจ้อยได้ซื้อที่ดินของ นางสาว สุพันนี นางสาว ราตรี เกษวิริยะการ เพิ่มอีก ๖ ไร่ ๓งาน ๒๔ ตารางวา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๙ได้รับโฉนดที่ดินเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๔๔

 ได้มีการจัดสร้างอาคารเสนาเสนะต่าง ๆขึ้นอีกมากมายจนในปัจจุบันเสนาเสนะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้






 

๑.พระอุโบสถ ๑ หลัง 

๒.ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง

๓.กุฏิสงฆ์ ๖ หลัง

๔.โรงเรียนพระปริยัติธรรม ๑ หลัง

๕.ศาลาธรรมสังเวช ๑ หลัง

๖.ณาปนสถาน ๑ หลัง

๗.หอสวดมนต์ ๑ หลัง

๘.หอระฆัง ๑ หลัง

    ต่อมาในปัจจุบันทางวัดได้กำลังทำการจัดสร้างมณฑปและไตร โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๑๒ ล้านบาทเศษอยุ่ในขณะนี้ และนี้ก้คือประวัติของวัดศรีอุทุมพรพอสังเขป

 หลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีอุทุมพร เป็นพระผู้เปลี่ยมไป

ด้วยเมตตากรุณาเป็นพระนักพัฒนา ที่ชาวจังหวัดนครสวรรค์ และเขตติดต่อ 

ห้ความเคารพนับถือ พระใบฏีกาสมศักดิ์ ปญฺญาธโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันวัดศรีอุทุมพร 

ศิษย์เอกหลวงพ่อจ้อย ผู้สืบสานงานต่างๆ ต่อจากหลวงพ่อจ้อย


https://www.youtube.com/watch?v=VywmwUmDl7g























 

                                     

เขาหน่อเขาแก้ว

      เขาหน่อ-เขาแก้ว อยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กิโลเมตร และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดเขาหน่ออยู่เชิงเขา มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว ระหว่างทางมีถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เคยทรงประทับพักแรมที่นี่ ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้เวลาเย็นจะมองเห็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่ในภูเขาบินออกไปหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้ว อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน 

 

     'พระพุทธเจ้าหลวง' ได้เคยเสด็จประพาสบริเวณเขาหน่อเมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน ภายในวัดเขาหน่อมีจุดสำคัญต่างๆ ในการตามรอยเสด็จประพาสต้น ได้แก่ 'สระเสด็จ' ที่เคยทรงน้ำ สิ่งพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ถวายแด่ หลวงพ่อเเหยม และพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 สำหรับสักการะ

 

https://www.youtube.com/watch?v=TBbmmK1bWhk









 

                                           

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

 

         อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชรและอำเภอแม่วงก์ และกิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร ตามเทือกเขาสูงชันก่อกำเนิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม 4-5 แห่ง ทั้งเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำแม่วงก์ที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีแก่งหินทำให้เกิดน้ำตกเล็ก ๆ ตามแก่งหินนี้ ตลอดจนมีหน้าผาที่สวยงามตามธรรมชาติ มีเนื้อที่ประมาณ 894 ตารางกิโลเมตร หรือ 558.750 ไร่ ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็น 'อุทยานแห่งชาติแม่วงก์' เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2530 

ลักษณะภูมิประเทศ

     สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเรียงรายกันอยู่ตามเทือกเขาถนนธงชัยลดหลั่นลงมาจนถึงพื้นราบ ประมาณ 40 - 50 ลูก ยอดที่สูงที่สุดคือ “ยอดเขาโมโกจู” สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,964 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารต้นกำเนิดของลำนำแม่วงก์ส่วนพื้นที่ราบมีไม่มาก ส่วนใหญ่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ และเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญ เช่น แร่ไมก้า 

ลักษณะภูมิอากาศ

     สภาพภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล คือ 

ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 

ฤดูฝน ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 

ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์เป็นช่วงที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุด 






 

พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า

     สภาพป่าทั่วไปประกอบด้วย ป่าเบญจพรรณ จะอยู่บริเวณที่ราบริมฝั่งห้วยและภูเขาที่ไม่สูงนัก พันธุ์ไม้ได้แก่ ไม้สัก พะยอม ชิงชัน กะบก มะม่วงป่า มะค่าโมง แดง ประดู่ จันทร์หอม ป่าดงดิบ ตะเคียน ก่อ กะบาก 

และป่าเต็งรังซึ่งมีพันธุ์ไม้จำนวนน้อย เช่น ไม้เต็งรัง เหียง พลวง    

มีสัตว์ป่านานาชนิด เนื่องจากอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งสัตว์สามารถใช้เส้นทางเดินติดต่อกันได้ ได้แก่ กระทิง ช้าง เสือ กวาง เก้ง หมี กระต่ายป่า ไก่ป่า กระรอก เม่น แมวลาย ลิง และนกนานาชนิด เช่น นกแก้ว นกกางเขน นกเขา ฯลฯ 

แหล่งท่องเที่ยว 

น้ำตกแม่กระสา การเดินทางต้องเดินเท้าไปประมาณ 21 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 3-4 วัน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มีชั้นลดหลั่นถึง 9 ชั้น น้ำไหลแรงสวยงามตลอดปี 

น้ำตกแม่เรวา การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3-4 วัน มีลักษณะเป็นอ่างกลมกว้างราว 30 - 40 เมตร รับสายน้ำที่ตกลงมาเป็นชั้น ๆ 

น้ำตกแม่กี มีความสูงประมาณ 200 เมตร แบ่งเป็นชั้น ๆ ถึง 9 ชั้น น้ำไหลเกือบตลอดปี การเดินทางต้องเดินเท้าไปกลับ 3 วัน และได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดใน เอเซีย (จากหนังสือ ASEAN MAGAZINE พ.ศ. 2518) 

แก่งผาคอยนาง - แก่งน้ำบนแก่งหิน จากถนนคลองลาน - อุ้มผาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 1,400 เมตร จะมีทางแยกเข้าไปอีก 400 เมตร จะถึงบริเวณแก่งหินขนาดใหญ่ที่มีลำน้ำคลองขลุงไหลผ่าน ซึ่งเป็นลำน้ำสายหนึ่งในหลาย ๆ สายที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง จากบริเวณแก่งเดินขึ้นไปตามลำน้ำอีกประมาณ 350 เมตร จะถึงน้ำตกผาคอยนาง น้ำตกขนาดเล็กที่เด่นและสะดุดตานอกจากน้ำตกแล้ว พื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ก็ยังมีแก่งหินปูนมีน้ำไหลลดหลั่นเป็นชั้นเหมาะแก่การท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนในเวลากลางวันและเป็นที่ชมวิวพักรับประทานอาหาร ในบรรยากาศท่ามกลางหุบเขาอันร่มรื่นเย็นสบาย 

จุดชมวิว กิโลเมตร 81 ชมทิวเขาไกลสุดสายตา จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ไปตามถนนคลองลาน - อุ้มผาง อีก 16 กิโลเมตร จะถึงบริเวณหน้าผาที่สามารถมองทัศนียภาพที่สวยงามมองเห็นทิวเขาไกลสุดสายตา 

ช่องเย็น กิโลเมตรที่ 93 ช่องเขารับสายลมระยะทาง 28 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นจุด









 

สูงสุดของถนนคลองลาน - อุ้มผาง จะถึงบริเวณหน้าผาที่ตั้งอยู่ระหว่างเขา ซึ่งทำให้บริเวณแห่งนี้ มีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา จึงถูกขนานนามว่า “ช่องเย็น” ตามสภาพภูมิอากาศของพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากช่องเย็นมีสภาพอากาศที่เย็นและชื้น จึงพบพันธุ์ไม้ที่ชอบความชุ่มชื้นบริเวณนี้ ได้แก่ กล้วยไม้ เฟิร์น มหัสดำ (Treefern) นอกจากนี้ช่องเย็นยังเป็นถิ่นอาศัยของนกหลากหลายชนิด จึงเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญแห่งหนึ่ง 

ยอดเขาโมโกจู ขุนเขาแห่งความหนาวเย็น ด้วยความสูง 1,964 เมตร จากระดับน้ำทะเล โมโกจูจึงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแม่วงก์ ระยะทาง 27 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าไปกลับ 4-5 วัน จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ แม้ระยะทางจะไกลและยากแก่การเข้าไปถึง แต่โมโกจูก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน ที่

จะเก็บเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต 

สิ่งอำนวยความสะดวก

   มีสถานที่กางเต้นท์และบ้านพักบริเวณที่ทำการอุทยานฯและบริเวณช่องเย็น

การเดินทาง

โดยทางรถยนต์ได้หลายทาง คือ 

1.จากกรุงเทพมหานคร - กำแพงเพชร - คลองลาน สู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ตามทางหลวงหมายเลข 1117 กิโลเมตรที่ 65 ถนนคลองลาน - อุ้มผาง 

2.จากกรุงเทพมหานคร - นครสวรรค์ - โค้งวิไล - คลองลาน สู่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ตามทางหลวงหมายเลข 1117 กิโลเมตรที่ 65 ถนนคลองลานอุ้มผาง 


https://www.youtube.com/watch?v=GPargaAlR08













 

                                      

ฟาร์มแกะทหารช่าง

 

ฟาร์มแกะทหารช่าง กองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ตั้งอยู่กลางตัวเมืองนครสวรรค์ โดย พ.ท.ประวิต พูลเทียบรัตน์ ผู้บังคับกองพันกองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ เปิดเผยว่าพื้นที่นี้เดิมทีเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำนา เลี้ยงสัตว์ ของกำลังพลทหารช่าง และได้ทำศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 แต่ได้รับความสนใจจากประชาชนน้อย จึงได้คิดพัฒนาปรับปรุงสถานที่ให้มีจุดดึงดูดประชาชนและ นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวชม โดยปรับปรุงให้มีฟาร์มเลี้ยงแกะ เลี้ยงแพะ เลี้ยงหมูป่า เลี้ยงม้า เลี้ยงไก่ เป็นต้น และทำพื้นที่ให้เป็นนาบัวหลวง ทุ่งปอเทือง ทุ่งดอกกุหลาบ ทุ่งดอกดาวเรือง ซึ่งทั้งหมดเป็นดอกไม้เศรษฐกิจสามารถเก็บส่งขายสร้างรายได้ให้กับสวัสดิการกองกำลังพล กองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิระประวัติเป็นอย่างดี ปัจจุบันฟาร์มแกะทหารช่างได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก โดยเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ถึง 18.00 น. เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย พิกัดสถานที่ตั้งอยู่ที่จ.นครสวรรค์ เลี้ยวเข้ามาทางสี่แยกค่ายจิรประวัติ แล้วมุ่งหน้ามาทางสนามกอล์ฟค่ายจิรประวัติจะเจอสามแยกให้เลี้ยวขวาไปทางวัดถือน้ำ ขับตรงไปประมาณ 200 เมตร ฟาร์มแกะจะอยู่ขวามือ

 

https://www.youtube.com/watch?v=Un5e16r5QHA









 

                  

 

พาสาน

 

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของปากน้ำโพ ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม จุดบรรจบแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์   ชื่อ “พาสาน” มีที่มาจากคำว่า “ผสาน” คือ การรวมกัน แต่ “พาสาน” คือ การพาคนเข้าไปสานให้เกิดการผสมผสานกันระหว่าง คน สถานที่ และสภาพแวดล้อมตัวอาคารสร้างบนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ออกแบบให้มีความโค้งแล้วมาบรรจบกันที่ปลาย เหมือนการรวมตัวกันของแม่น้ำหลักจาก 4 สาย มาประสานกันเป็นสองสายและรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในช่วงฤดูน้ำหลากส่วนของอาคารที่ยกโค้งจะโผล่พ้นน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือลอดอาคารชมความงามของสถาปัตยกรรมได้

นอกจาก พาสาน จะเป็นจุดชมวิวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ยังมีสำนักงาน ห้องจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยว ลานประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม รวมไปถึงกิจกรรมแสง สี เสียงแสดงถึงวิถีชีวิตผู้คนกับสายน้ำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกด้วย  นักท่องเที่ยว สามารถนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งพาสาน เพื่อชมพระอาทิตย์ตก สัมผัสความงดงามของต้นน้ำเจ้าพระยา วิถีชีวิตของคนริมนํ้าแห่งปากนํ้าโพ นครสวรรค์

https://www.youtube.com/watch?v=IVyE2ofCbWE





 

 

บึงบระเพ็ด

 

เป็นบึงน้ำจืดซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 132,737 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง พื้นที่บางส่วน ประมาณ 66,250 ไร่ ได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ ป่าเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2518 บีงบอระเพ็ดมีลักษณะเป็นท้องน้ำและบึงกว้างใหญ่ มีเกาะเล็ก ๆ อยู่ในบึงประมาณ 10 เกาะ  เป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมตัวของพืชน้ำ มีพรรณไม้น้ำหลากหลายชนิด จึงเหมาะเป็นที่อยู่อาศัยสร้างรัง วางไข่ ของนกหลายชนิด มีทัศนียภาพสวยงาม

    ในอดีตบึงบอระเพ็ดได้ชื่อว่าเป็น 'ทะเลเหนือ' หรือ 'จอมบึง' เพราะมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำอยู่มากมาย รู้จักกันมานานว่าเป็นแหล่งน้ำที่มีจระเข้ชุกชุม ปัจจุบันจระเข้ในบึงเหลืออยู่น้อยมาก จะมีให้เห็นก็ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ ซึ่งได้เพาะพันธุ์และเลื้ยงไว้ให้นักท่องเที่ยวชมเท่านั้น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ประมาณว่ามีพันธุ์ปลาต่าง ๆ ประมาณ 148 ชนิด พันธุ์พืชที่สำรวจพบขณะนี้ประมาณ 100 ชนิด บึงบอระเพ็ดเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านแหล่งอาศัยของฝูงนก มีนกประจำถิ่นและนกอพยพ รวมนับร้อยชนิด ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ นกยาง นกนางแอ่น นกจาบคาเล็ก นกเป็ดน้ำ นกเอี้ยง นกอัญชัญ นกปากซ่อม นกกวัก นกกาบบัว นกเขา นกกระเรียน ฯลฯ เป็นแหล่งที่พบสัตว์หายากคือ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ปลาเสือตอ โดยเฉพาะนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร เป็นนกที่พบที่บึงบอระเพ็ดนี้แห่งเดียวในโลก ซึ่งพบโดยคุณกิตติ ทองลงยา เมื่อปี พ.ศ.2511

 

https://www.youtube.com/watch?v=Ae_f6dwbmYI







 

                                    

ทุ่งปอเทือง

         

        สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของบุรีรัมย์ #ทุ่งปอเทือง ติดโครงการชลประทาน #ทุ่งปอเทือง@เมืองบุรีรัมย์

ใครว่างๆแวะมาเที่ยวกันได้ สวยงามมากๆ 

ปอเทืองเหลืองอร่าม ที่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก 

หลังจากที่ หัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนได้ร่วมกันหว่านเมล็ดปอเทืองบนเนื้อที่ 50 ไร่ บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก โครงการชลประทานบุรีรัมย์ เนื่องในวันดินโลก เพื่อน้อมรำลึกในพระหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ ด้านการจัดการทรัพยากรดิน ผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ มากว่า 70 ปี จนเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถไปทั่วโลก ผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ ก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อความเป็นอยู่ของเกษตรกร และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมาขณะนี้ ปอเทืองได้ออกดอกเหลืองสะพรั่งเต็มท้องทุ่งแล้ว พร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยว (เช็คอิน) แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ซึ่งเป็นสถานทีท่องเที่ยว สถานที่ออกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ปอเทือง (sunn hemp) เป็นพืชในตระกูลถั่วที่นิยมปลูกมากสำหรับเป็นปุ๋ยพืชสด และใช้เป็นอาหารโค กระบือ รวมถึงเพื่อความสวยงามในการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งนิยมปลูกมากในช่วงต้นฤดูฝนก่อนที่จะไถกลบหรือเก็บเกี่ยวก่อนปลูกพืชหลัก

 

https://www.youtube.com/watch?v=-PBVQQWO5pM





 

                               

อุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ

 

          นครสวรรค์ ก็มีองค์พระพิฆเนศองค์ใหญ่ให้กราบสักการะบูชาขอพรเช่นกัน ที่ อุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ   สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือแหล่งท่องเที่ยว  ตั้งอยู่ที่ ตำบลกลางเเดด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ไม่ไกลจากฟาร์มแกะทหารช่าง ค่ายจิรประวัติ  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมได้ไม่นาน ภายในเทวสถานพระพิฆเนศ มีการจัดสวนอย่างสวยงาม มีพระพิฆเนศปางประทานพร องค์ใหญ่สีชมพูสดใส มองเห็นเด่นเป็นสง่าแต่ไกล รวมทั้งเทวรูปเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย ปัจจุบันยังคงทยอยต่อเติม เพิ่มความสวยงามให้แก่สถานที่แห่งนี้ ด้วยงานปั้นฝีมือประณีตงดงาม ให้นักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาได้เข้ามาเยี่ยมชมและสักการะเทวสถานพระพิฆเนศ  เกิดจากความศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อองค์พระพิฆเนศ ของคุณแม่แดง ที่ได้สละพื้นที่ส่วนตัวเพื่อก่อสร้างเทวสถานแห่งนี้ขึ้น โดยเริ่มก่อตั้งช่วงปี พ.ศ. 2552 มาจนถึงปัจจุบัน สร้างจากแรงบันดาลใจของคุณแดงที่เลื่อมใสศรัทธาองค์พระพิฆเนศ ขอพรจากพระพิฆเนศหลายต่อหลายครั้ง และได้ตามคำขอพรนั้น ทำให้เกิดเป็นแรงศรัทธา อยากสร้างองค์พระพิฆเนศปางประธานพรสีชมพูองค์นี้ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนได้มาสักการะบูชา ขอพรให้เกิดความสำเร็จ เหมือนดั่งเช่นที่ตัวเองเคยประสบมา ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพิฆเนศเป็นบุตรแห่งพระ ศิวะ และพระแม่ปาราวตี มีพลังในการปัดเป่าอุปสรรคจึงกลายเป็นเทพแห่งความสำเร็จด้านหน้า จะพบพระพิฆเนศปางประทานพร ที่เชื่อกันว่าหากต้องการขอพรสิ่งใดจะได้สมดังที่หวัง โดยจะมีเครื่องบูชาเป็นผลไม้และขนมโมทกะ 







 

รวมถึงดอกไม้ ธูปเทียน ไว้บริการให้ได้นำมาบูชากันด้วยตรงข้ามกับองค์พระพิฆเนศ เป็นสวนต้นไม้ ประดับด้วยเครื่องปั้นดินเผาและรูปปั้นต่างๆ มีความงดงามและร่มรื่น

 บริเวณข้างในเทวสถาน  เป็นที่ตั้งของอาคารไม้ 2 ชั้น ใหญ่โตโอ่อ่า ท่ามกลางสวนต้นไม้  เรียกว่า ตำหนักแม่แดง ทางเดินเข้าไปบริเวณตำหนัก มีรูปปั้นพญานาคพ่อปู่นาคาศรีสุธโธ แม่ยานาคีศรีปทุมมา ที่มีสีสันและอ่อนช้อนสวยงาม ลำตัวทอดยาวไปจนเกือบถึงตำหนักเข้ามาภายในตำนักบริเวณชั้นล่าง เต็มไปด้วย พระพิฆเนศปางต่างๆ มากมายให้กราบไหว้ขอพร  รวมทั้งสำหรับเช่าบูชาด้วยจากชั้นล่างไปยังชั้นสอง บริเวณบันไดทางขึ้น เป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระนารายณ์ทรงครุฑ ใหญ่โต มองดูน่าเกรงขาม เชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่มาสักการะให้แคล้วคลาด ปลอดภัย และมีโชคลาภเมื่อขึ้นไปถึงชั้น 2 ต้องตะลึงไปกับความสวยงามของสถานที่ซึ่งต้องแต่งสไตล์โมรอคโค ผสมอินเดีย ทั้งสีของผนัง ซุ้มประตู สีสัน สดใสสวยงามมาก ภายในประดิษฐาน รูปปั้นพระพิฆเนศ  องค์พระวิศณุกรรม องค์พระพิฆเนศและองค์พระแม่อุมาเทวี ให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันกราบไหว้เทพศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แล้ว ภายในเทวสถาน มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือกลางสวน ตั้งอยู่ด้านหน้า ให้บริการอีกด้วย หิวเมื่อไหร่แวะไปทานได้เลยอุทยานเทวสถานพระพิฆเนศ นับเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากความศรัทธา ซึ่งสร้างได้อย่างยิ่งใหญ่และงดงามมาก ใครที่ผ่านเข้ามาในจังหวัดนครสวรรค์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ควรค่าแห่งการแวะมาเยือน

 https://www.youtube.com/watch?v=sEHIu8PGqpA

 

 

 

 

 

 

 

                                            

อุทยานนครสวรรค์               

           อุทยานสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ ถนนวงสวรรค์ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์  เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่บนพื้นที่ 314 ไร่ ตรงกลางเป็นเกาะมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่  จุดเด่นที่มองเห็นมาแต่ไกลคือมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง อุทยานสวรรค์ประกอบด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า หนองสมบุญ มีถนนวงเหวน 2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะ ซึ่งมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตกจำลอง ศาลาและสวนสุขภาพ  อุทยานสวรรค์นี้เป็นสวนสาธารณะที่ได้รับรางวัลสวนสาธารณะระดับดีมากจากกรมอนามัยอีกด้วย อุทยานสวรรค์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ติดกับทางหลวงสายเอเซีย ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมองเห็นรูปปั้นมังกรเด่นเป็นสง่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาชมความดงามของรูปปั้นมังกรและกราบไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิม สามารถจอดรถด้านหน้า ภายในอุทยานสวรรค์เป็นพื้นที่โล่งกว้าง  มีมังกรสวรรค์ขนาดใหญ่เด่นตระหง่านอยู่ตรงกลาง บนฐานวงกลมสูงรายล้อมด้วยมังกรขนาดเล็ก 4 ตัว หันหน้าไปคนละทิศ ที่ฐานวงกลมตกแต่งด้วยเมฆ มีศาลารอบ 4 หลัง และสะพานแบบสถาปัตยกรรมจีนเพื่อเป็นทางเดินเข้าไปยังมังกรสวรรค์ ด้านล่างเป็นสระบัว วันไหนที่ท้องฟ้าสวยงามทำให้มังกรที่อยู่กลางภาพดูโดดเด่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เมื่อขึ้นไปยืนบนฐานมังกรจะเห็นบริเวณโดยรอบของอุทยานสวรรค์  ถัดจากรูปปั้นมังกร คือ พื้นที่ของสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ที่นิยมมาเดิน วิ่ง  ปั่นจักรยานชมสวน ปั่นจักรยานน้ำ ให้อาหารปลา เล่นเครื่องออกกำลังกายต่างๆ

https://www.youtube.com/watch?v=TWv907_K2HE

ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :